วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

7 ประโยชน์สุดเจ๋งจากกาแฟ


ดูเหมือนว่ากาแฟจะเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยในทุกๆ เช้าก่อนไปทำงาน จะเห็นได้จากร้านกาแฟที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในบ้านเรา ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมายืนยันแล้วว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะนั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างมากมาย แต่หนุ่มๆ ทราบกันหรือไม่ว่ากาแฟนั้นก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวของคุณเช่นเดียวกัน มาดูกันเลยดีกว่าว่าประโยชน์ 7 ข้อของกาแฟที่ช่วยให้คุณผิวดีนั้นมีอะไรกันบ้าง

ภาพจาก : Coffee Coffee Coffee


1. ชะลอการเสื่อมโทรมของเซลล์ผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย
ในเมล็ดกาแฟนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยมลภาวะต่างๆ ซึ่งเป็นตัวการของริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย แต่ปัญหานี้ก็รับมือได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้หน้าใส ยับยั้งรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการนำส่วนผสมของเมล็ดกาแฟมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

2. ลดอาการบวมอักเสบของผิวหนัง
คาเฟอีนในกาแฟมีคุณสมบัติสำคัญในการลดการอักเสบ กระตุ้นการหดตัวของเส้นเลือด ช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตใต้ผิว ลดอาการบวม รอยแดง และรอยหมองคล้ำบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม


  

ภาพจาก : Things Brown

3. ช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย
มีผลการวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดกาแฟนั้น มีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากการถูกรังสียูวีในแสงแดดทำลาย ซึ่งเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆ และ ลดปัญหาฝ้า กระ จากแสงแดดได้อีกต่างหาก

4. กระชับรูขุมขน
สรรพคุณสุดเจ๋งของกาแฟอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือ ประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็เพราะคาเฟอีนในกาแฟ จะไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ ดูเปล่งปลั่งและยืดหยุ่นขึ้น

5. ช่วยลดเซลลูไลท์ได้ด้วยนะ
คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟมีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของเหลวใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการแตกตัวของเซลล์ไขมัน ดึงน้ำส่วนเกินออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวส่วนที่มีปัญหาเซลลูไลท์ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น

6. ช่วยลดรอยบวมคล้ำใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตาบวมช้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การแพ้สารต่างๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟช่วยคุณบรรเทาได้ ด้วยสรรพคุณลดการบวมอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดการสะสมของเลือดบริเวณถุงใต้ตา ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ จึงมีส่วนผสมของคาเฟอีนรวมอยู่ด้วย

ภาพจาก : mornings&coffee

7. ช่วยดีท็อกซ์สารพิษ เผยหน้าใสกิ๊ง
คาเฟอีนในกาแฟยังมีส่วนช่วยในการล้างสารพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ซึ่งเมื่อสารพิษถูกขับออกจากร่างกายแล้ว ผิวของคุณก็จะดูกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เห็นถึงประโยชน์ของเมล็ดกาแฟต่อผิวกันไปแล้ว คอกาแฟคงได้ข้ออ้างดีๆ มาสนับสนุนการดื่มกาแฟทุกเช้ากันแล้วล่ะซิ ส่วนใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟก็ไม่ต้องน้อยใจกันไป เพราะคุณก็สามารถมีสุขภาพผิวที่ดีได้ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ รับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกันอย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพประกอบจาก: http://www.pinterest.com


 
 

6 พิกัด ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน สุดชิลล์ ใครไปเป็นติดใจ!

6 พิกัด ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน สุดชิลล์ ใครไปเป็นติดใจ!

ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าเที่ยวไม่แพ้ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเลยค่ะ เพราะขึ้นชื่อในหลายๆ เรื่อง ทั้งอาหารการกิน แหล่งช้อปปิ้ง ที่เที่ยวฮิตๆ และที่สำคัญคือ ไปเที่ยวง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า ค่าครองชีพก็ใกล้เคียงกับบ้านเรา แถมยังมีที่เที่ยวธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ให้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดอีกด้วย ใครกำลังเครียดกับงาน อยากออกไปเที่ยวเติมพลังให้ตัวเอง หรือจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยก็ได้ วันนี้จะพาไปแนะนำ 6 ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน สวยตรึงใจ พร้อมวิธีเดินทาง ออกไปหาธรรมชาติบำบัดกันดีกว่า

1.อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ (Taroko National Park)

 



เริ่มที่ อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ (Taroko National Park) หรือที่คนไทยเรียกว่า ทาโรโกะ ตั้งอยู่ในเมืองฮวาเหลียน ทางฝั่งตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ห้อมล้อมด้วยทัศนียภาพของเทือกเขาที่สลับซับซ้อนสวยงาม มีถ้ำ น้ำตก น้ำพุ ลำธาร และจุดชมวิวสวยๆ เราจะได้เห็นวิวหุบเขาในป่าใหญ่และชายฝั่งทะเลอันงดงาม ธรรมชาติที่นี่สวยงามขนาดที่ว่าเป็น ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดนิยม ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ด้วย



การเดินทางมาทาโรโกะ ยังสะดวกสบายมากๆ เพราะสามารถนั่งรถไฟจากไทเปมาเที่ยวได้แบบชิลล์ๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง แถมพอมาถึงก็สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้ง Taxi Guide และ Tour Bus ในราคาไม่แพง เที่ยวไปรอบๆ อุทยาน จะมาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นครอบครัวก็สามารถมาสูดอากาศบริสุทธิ์ของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะได้เต็มปอดเลยล่ะค่ะ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: 08.30-17.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟ TRA มาลงที่สถานี Hualien แล้วต่อ Taxi Guide หรือ Shuttle Bus
ที่อยู่: 972 Taiwan Hualien County, Xiulin Township, Fushi Cun Fushi 291
แผนที่:

 

 

2.อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน (Yangmingshan National Park)



ถัดมาเป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน (Yangmingshan National Park) อุทยานแห่งชาติใกล้ไทเป ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ใครเที่ยวอยู่ในเมืองจนเบื่อก็สามารถออกไปชมธรรมชาติที่นี่ได้ง่ายมากๆ ค่ะ

Cr. ymsnp.gov.tw
Cr. taiwan.net.tw
จุดเด่นของ หยางหมิงชาน ก็คือความเป็นป่าเขาแบบอบอุ่นที่ทำให้มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ล้อมรอบไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิบานตลอดทั้งปี ทั้งซากุระ กุหลาบพันปีสีขาว และคาลล่าลิลลี่ เหมาะสำหรับการพาครอบครัว พาคุณพ่อคุณแม่มาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแคมป์ปิ้ง ปีนเขา ปิกนิกกลางแจ้ง แช่น้ำพุร้อน หรือเดินเล่น และปั่นจักรยานชมธรรมชาติ รับรองว่าจะได้เต็มอิ่มกับวิวสีเขียวแบบสุดๆ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: 07.00-17.30 น.
การเดินทาง: จากไทเปสามารถนั่งรถบัสมาลงที่อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชานได้ตามจุดต่างๆ ดังนี้
– สาย Red5 จากสถานี MRT Jiantan
– สาย 260 จากสถานี MRT Taipei Main Station ทางออก Y6 หรือ MRT Ximen ทางออก 3
ที่อยู่: No.1-20, Zhuzihu Rd., Beitou District, Taipei City (Yangmingshan)
แผนที่:

 

 

3.อุทยานแห่งชาติอาลีซาน (Alishan)



มาถึง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดนิยม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด อุทยานแห่งชาติอาลีซาน (Alishan) นั่นเองค่ะ ที่นี่ตั้งอยู่ในเมืองเจียอี้ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน โดดเด่นด้วยความงดงามของธรรมชาติที่ว่ากันว่าใครมา เที่ยวไต้หวัน แล้วไม่ได้มา อาลีซาน ถือว่าพลาดมากๆ บรรยากาศในอาลีซานคือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติเลยก็ว่าได้ค่ะ ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระบานอยู่ในหลายๆ พื้นที่ ส่วนช่วงหน้าหนาวก็จะได้เจอกับป่าไม้สีเขียวชอุ่มกับหมอกบางๆ เป็นวิวที่ฟินสุดๆ สามารถเดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลินและไม่มีเหนื่อยเลย

Cr. ali-nsa.net
สำหรับการขึ้นไปบนยอดเขาอาลีซาน นักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถไฟโบราณชมวิวสวยๆ บรรยากาศดีมากๆ อีกทั้งบนยอดเขาอาลีซานยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวันอีกด้วย เชื่อกันว่าหากได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เขาอาลีซานจะถือว่าเป็นมงคลกับชีวิต และได้รับพลังลมปราณจากหมอกบนยอดเขาในยามเช้าที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ได้รับธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง ใครพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยว อย่าลืมพามาซึมซับบรรยากาศที่นี่กันนะคะ

ค่าเข้าชม: NT$ 300
เวลาทำการ: เข้าชมได้ตลอด
การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี HSR Chiayi ทางออก 2 แล้วต่อรถบัสไป Alishan ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 4.30 ชั่วโมง
ที่อยู่: 605 Taiwan Chiayi County, Alishan Township, No.59, Zhongzheng Village
แผนที่:

 

 

4.เมืองไถจง (Taichung)



ใครเป็นสายธรรมชาติผสมกับสายช้อปปิ้งหน่อยๆ ต้องไม่พลาด เมืองไถจง (Taichung) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวัน ถิ่นกำเนิดของ ชานมไข่มุก และ ชาบู Hot Pot แห่งนี้เลยจ้า Taichung ไต้หวัน หรือ ไถจง เป็นเมืองใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วย ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Gaomei Wetlands จุดชมพระอาทิตย์ริมป่าชายเลนที่สวยงาม, Maple Garden สวนสวยใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด, หรือ Moncoeur สวนสุดโรแมนติกที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สวยๆ


Cr. solomo.xinmedia.com
 
ใครเที่ยวไทเปเบื่อแล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศไป เที่ยวไต้หวัน แบบชิลล์ๆ แนะนำให้ไปเมืองไถจงเลยค่ะ เดินทางไม่ไกลจากไทเป ได้ทั้งวิวธรรมชาติและลิ้มรสของกินอร่อยๆ เที่ยวได้ครบในเมืองเดียวเลยค่ะ

การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี HSR Taichung ประมาณ 1 ชั่วโมง
แผนที่:

 

 

5.ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake)



อีกหนึ่ง ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ยอดฮิตที่ใครไป เที่ยวไต้หวัน จะต้องไม่พลาดไปเช็คอินที่นี่อย่างแน่นอนนั่นก็คือ Sun Moon Lake หรือเรารู้จักกันในชื่อไทยว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา ไต้หวัน นั่นเอง



ทะเลสาบสุริยันจันทรา ตั้งอยู่ในจังหวัดหนานโถว บริเวณภาคกลางของไต้หวัน เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีทิวทัศน์ฉากหลังเป็นภูเขาสวยงาม ซึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือ ออกไปชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบ และแวะเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ รวมถึงถ้าใครพอมีเวลาก็สามารถเดินเล่น ปั่นจักรยาน นั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงได้เช่นกันจ้า

ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: จาก Taipei Main Station นั่งรถไฟ HSR มาลงสถานี Taichung แล้วต่อรถบัส Nantou ไปลงที่ Sun Moon Lake
ที่อยู่: Sun Moon Lake Scenic Area, Yuchi Township, Nantou, Taiwan 555
แผนที่:

 

 

6.อุทยานแห่งชาติเย่หลิว (Yehliu Geopark)



ปิดท้ายด้วย ที่เที่ยวธรรมชาติ ไต้หวัน ที่โดดเด่นและต้องไปให้ได้สักครั้ง ก็คือที่ อุทยานแห่งชาติเย่หลิว (Yehliu Geopark) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเมืองนิวไทเป ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เย่หลิวเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็คือ ทัศนียภาพของหินปูนรูปร่างแปลกตาอันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล แรงลม น้ำฝน และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกนับล้านๆ ปีนั่นเอง



และด้วยความที่อุทยานแห่งชาติเย่หลิว มีลักษณะเป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเล บรรยากาศรอบๆ อุทยานก็เลยสดชื่นดีต่อใจมากๆ อากาศก็เย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่นถ่ายรูปและชมทัศนียภาพได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นที่เที่ยวไต้หวันใกล้ๆ ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนอีกที่หนึ่งเลยล่ะค่ะ

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ NT$ 80 / เด็กนักเรียนและเด็กอายุ 6 – 12 ปี NT$ 40 / เด็กอายุต่ำว่า 6 ปี หรือมีส่วนสูงต่ำกว่า 115 เซนติเมตรและผู้พิการ เข้าฟรี
เวลาทำการ: 08.00-17.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Taipei Main Station ทางออก 3 แล้วต่อรถบัส KuoKuang สาย 1815 ลงป้าย Yehliu Geopark
ที่อยู่: No. 167-1, Gangdong Rd, Wanli District, New Taipei City
แผนที่:

พักความเครียดจากงาน ขอใช้วันลาสัก 2-3 วัน ออกไปเที่ยวไต้หวัน อินกับธรรมชาติบำบัดกันดีกว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ไปเที่ยวง่าย แถมยังใช้จ่ายไม่แพง ยิ่งใครพาคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยแนะนำว่าซื้อ ทัวร์ไต้หวัน ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ สะดวกสบาย ไม่ต้องเที่ยวเอง ที่สำคัญคือควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย ได้เที่ยวพักผ่อนเต็มอิ่มกับธรรมชาติแบบไร้กังวล รับรองทริปนี้เติมพลังบวกให้ตัวเองได้อีกเยอะเลยค่ะ
ส่วนใครที่วางแผนเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง อยากเที่ยวหลายๆ เมืองให้ทั่วไต้หวัน ก็สามารถเดินทางได้ง่ายๆ เพราะที่ไต้หวันมี รถไฟความเร็วสูง (Taiwan High Speed Rail – THSR) ให้บริการครอบคลุมทุกเส้นทาง เพียงแค่มี ตั๋วรถไฟไต้หวัน THSR ใบเดียว ก็เที่ยวได้ทั่วเหนือจรดใต้ได้แล้ววว




e-Sports โอกาสทางธุรกิจที่มีมากกว่าแค่เกม

ผู้เขียน: ธตรฐ จีรัญพงษ์
เผยแพร่ในนิตยสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนกรกฎาคม 2018

iStock-841135930.jpg

 
“Happening from Aug 18 to Sep 2 in Indonesia, the Asian Games is a multi-sport event that is already in its 18th year. This year, it will be held in Jakarta and Palembang simultaneously, and for the first time has six demonstration games as part of the eSports event.”
 
 
ที่มา: The Star Online, 24 พฤษภาคม 2018 
 
e-Sports คืออะไรและมีความคืบหน้าอย่างไรในวงการกีฬาไทย?
อีสปอร์ต (e-Sports) หรือ กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ คือ กีฬาชนิดหนึ่งที่มีการแข่งขันผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้เล่นมากกว่า 2 คนขึ้นไปทั้งในประเภทบุคคลและประเภททีม ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากการเล่นเกมออนไลน์แบบเดิมๆมาเป็นการเล่นเกมเพื่อแข่งขันหาผู้ชนะอย่างเป็นทางการ โดยรูปแบบนั้นจะแบ่งตามประเภทของเกม เช่น เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เกมต่อสู้ เกมวางแผนการรบ เป็นต้น ซึ่งเกมเหล่านี้ต้องใช้ทั้งทักษะ การฝึกซ้อม การวางแผนกลยุทธ์ การเล่นเป็นทีม และมีการแข่งขันตั้งแต่ระดับสมัครเล่น กึ่งอาชีพ และระดับมืออาชีพ รวมถึงมีการแข่งขันเป็นลีคต่างๆ ไม่ต่างจากการแข่งขันกีฬาทั่วไป อย่างไรก็ดี อีสปอร์ตมีข้อจำกัดที่น้อยกว่ากีฬาทั่วไป คือ ไม่จำกัดเพศ อายุ แม้แต่เด็กก็สามารถเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตระดับมืออาชีพได้ถ้ามีความสามารถ
 
สำหรับประเทศไทยการกีฬาแห่งประเทศไทยมีความเห็นชอบให้อีสปอร์ตเป็นกีฬาที่สามารถจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาได้ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาในวันที่ 17 ตุลาคม 2017 ซึ่งในภายหลังทางสมาคมได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย (Thailand e-Sports Federation หรือ TESF) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2017
 
e-Sports อุตสาหกรรมคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตาของวงการกีฬาในโลกยุคดิจิทัล
 
อีสปอร์ตกลายมาเป็นกีฬายอดนิยมในยุคปัจจุบันสำหรับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล โดยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ทั่วถึงมากขึ้นทำให้วงการเกมออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และส่งผลให้อุตสาหกรรมอีสปอร์ตเติบโตควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของวงการอีสปอร์ตนั้นมีมูลค่า 6.96 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2017 (รูปที่ 1) และจากการประมาณการของ Newzoo1 คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของรายได้ของวงการอีสปอร์ตนั้นจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ราว 29% ในช่วงปี 2017–2020 ซึ่งจะทำให้ตลาดของวงการอีสปอร์ตมีมูลค่าสูงถึง 1.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022 อีกปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตต่อเนื่องคือ จำนวนผู้ชม เพราะการแข่งกีฬาอีสปอร์ตไม่ต่างจากการแข่งกีฬาแบบดั้งเดิมที่ต้องมีผู้ชมมาช่วยเชียร์ทีมที่ตัวเองชื่นชอบ จำนวนผู้ชมทั้งแบบขาประจำหรือแม้แต่ขาจรมีอัตราที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี (รูปที่ 2) จากการประมาณการของ Newzoo คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของผู้ชมอีสปอร์ตจะเพิ่มขึ้นราว 15% ในช่วงปี 2017-2020 นับเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าอุตสาหกรรมอีสปอร์ตนั้นจะมีการเติบโตของรายได้และจำนวนผู้ชมที่เพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
 
 
 
รูปที่ 1 : อัตราการเติบโตของรายได้อีสปอร์ตทั่วโลกปี 2017-2020รูปที่ 2: อัตราการเติบโตของจำนวนผู้ชมอีสปอร์ตทั่วโลกปี 2017-2020
g1.pngg2.png
  
จากสถานการณ์ความนิยมดังกล่าว ทำให้ทาง Olympic Council of Asia (OCA) ได้ประกาศในปี 2017 ว่า อีสปอร์ตจะถูกบรรจุลงในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ซึ่งเอเชียนเกมส์นั้นถือได้ว่าเป็นงานกีฬาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นรองแค่ โอลิมปิกเกมส์ เท่านั้น โดยมีชาติสมาชิกมากถึง 45 ชาติ และมีนักกีฬาเข้าแข่งขันมากกว่า 1 หมื่นคน ดังนั้น อีสปอร์ตจะยังคงได้รับความนิยมในอนาคตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอีสปอร์ตที่ได้รับการยกระดับให้เป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่ง และยังช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จากการที่อุตสาหกรรมมีการเติบโตทั้งทางฝั่งผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้เล่น รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ
 
ธุรกิจไทยที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต
การเติบโตที่รวดเร็วของวงการอีสปอร์ตนั้นทำให้เกิดสายอาชีพใหม่มากมายที่สอดคล้องกับวงการนี้ เช่น นักแคสเกม คืออาชีพที่ผู้เล่นทำการเล่นเกมหรือรีวิวเกมไปพร้อมๆ กับการสตรีมมิ่งหรือไลฟ์สดให้คนอื่นดู หรือแม้แต่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเต็มตัว เพราะมีการจัดแข่งขันตลอดทั้งปีไม่ว่าจะทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งการแข่งขันก็มีเงินรางวัลที่สูงมาก ตัวอย่างเช่น การแข่งขัน The International ปี 2017 ของเกม Dota 2 ที่มีเงินรางวัลรวมมากกว่า 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการแข่งขันอีสปอร์ต2 นอกจากนักกีฬาอีสปอร์ตในทีมที่เข้าแข่งขันแล้วยังมีโค้ชทีม ผู้จัดการทีม หรือแม้แต่นักโภชนาทีมที่คอยดูแลนักกีฬาให้มีสุขภาพดีตลอดเวลา รวมถึงนักพากย์เกม กรรมการ ผู้จัดการแข่งขันที่กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น และยังมีอาชีพที่อยู่เบื้องหลังมากมาย เช่น นักพัฒนาเกม นักออกแบบเกม นักสร้างคอนเทนต์ นักเขียนโปรแกรม ผู้ดูแลเกม นักพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ รวมไปถึงอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ หรือแม้แต่ฝ่ายกฎหมาย
 
ด้วยการที่วงการอีสปอร์ตจะมีอัตราการเติบโตที่สูงต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อีไอซีมองว่าธุรกิจไทยที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้มี 3 ธุรกิจ ได้แก่
 
1.ธุรกิจที่ใช้สปอนเซอร์ในการสร้างแบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เพราะว่ารายได้หลักจากวงการอีสปอร์ตนั้นมาจากการสปอนเซอร์ ดังนั้น ถือเป็นโอกาสสำหรับบริษัทต่างๆที่ต้องการเข้ามาลงทุนในวงการนี้ จะเห็นตัวอย่างได้ชัดเจน เช่น ค่ายมือถือ ทรูมูฟ เอช ภายใต้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาสปอนเซอร์การแข่งขัน ROV3 Pro League Season 1 ที่มีเงินรางวัลรวมมากกว่า 5 ล้านบาท รวมถึงบริษัท Grab Thailand ก็เป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน GESC4: Thailand Dota 2 Minor เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 ด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นโอกาสอีกช่องทางหนึ่งสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์แบรนด์ของตัวเองโดยการเป็นสปอนเซอร์ในวงการอีสปอร์ตเพื่อเข้าถึงผู้ชมและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้
 
2.ธุรกิจอุปกรณ์ต่อพ่วงเกมและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์และเป็นหนึ่งในทางรอดหลักของธุรกิจพีซีเพราะว่าบริษัทไอทีต่างๆ หันมาให้ความสนใจสินค้าสำหรับเหล่านักกีฬาอีสปอร์ตกันอย่างมาก และรวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงเกมด้วย ตัวอย่างเช่น เมาส์เกม คีย์บอร์ดเกม เป็นต้น โดยในปี 2017 ยอดขายจากทั่วโลกในตลาดนี้ช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนเพิ่มขึ้นถึง 56% จากปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 4 หมื่นล้านบาท5 รวมถึงมูลค่าตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงเกมในไทยอยู่ที่ 4 ร้อยล้านบาทในปี 2015 ซึ่งเติบโตจากปี 2014 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ราว 3.2 ร้อยล้านบาท6 รวมไปถึงร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่จะไม่เป็นเพียงแค่ร้านเกมแบบเดิมอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสถานที่ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาอีสปอร์ต และยังก่อให้เกิดธุรกิจปลีกย่อยอื่นๆ เช่น การจำหน่ายเสื้อทีมกีฬา กำไร แหวน สร้อยคอ และสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
 
3.ธุรกิจการท่องเที่ยว นอกจากจุดเด่นที่ประเทศไทยจะติดหนึ่งในอันดับประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกมาโดยตลอดแล้ว7 การมีอุตสาหกรรมอีสปอร์ตก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะดึงดูดให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะแฟนกีฬาอีสปอร์ตมาท่องเที่ยวและเยี่ยมชมประเทศไทยมากยิ่งขึ้นผ่านการจัดงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น มหกรรมเกมอีสปอร์ต ดิจิทัลคอนเทนท์ วันที่ 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา ที่ทางบริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Garena World: eSports for all ที่จัดขึ้นที่ไบเทค บางนา ซึ่งเป็นมหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพื้นที่รองรับผู้คนมากกว่า 2 แสนคน ทั้งนี้ มีผู้ชมร่วมกว่า 1 แสนคน ทั้งผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติที่สนใจมาดูงาน อีสปอร์ตจึงสามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มสีสันให้อุตสาหกรรมและธุรกิจการท่องเที่ยวไทยได้ในทางอ้อม
 
ทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตนั้นคาดว่าจะเติบโตได้อีกจากการที่ตลาดเกมมีการเติบโตอย่างรวดเร็วรวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐผลักดันให้เป็นกีฬาเต็มตัว และภาคการศึกษาที่เริ่มเปิดกว้างและขยายหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรในวงการอีสปอร์ตให้ทันความต้องการในตลาด ถือเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอีสปอร์ตที่ควรจะมีแผนในการต่อยอดและใช้ประโยชน์จากการเติบโตของอีสปอร์ตในไทย เช่น การจัดสถานที่การแข่งขันของกีฬาอีสปอร์ตอย่างเป็นทางการ การร่วมมือกับทางผู้ให้บริการเกมจัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ระดับโลกในไทยให้มากขึ้นเพื่อให้ไทยเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในวงการอีสปอร์ต หรือการพัฒนาสินค้าและบริการให้ทันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนในวงการอีสปอร์ต เป็นต้น ซึ่งการร่วมมือผลักดันทั้งจากภาครัฐและเอกชนจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมอีสปอร์ตของไทยพัฒนา ทำให้อุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอีสปอร์ตสามารถเติบโตต่อไปได้ในยุคที่เกมและกีฬาถูกผนึกเข้าด้วยกันจากเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล


1 Newzoo คือ บริษัทที่เป็นผู้นำในแง่ของการสำรวจตลาดเกม อีสปอร์ต และเป็นพันธมิตรและที่ปรึกษาด้านการตลาดทั่วโลกสำหรับบริษัทที่สนใจในตลาดเกม อุปกรณ์เคลื่อนที่รวมถึงอีสปอร์ต

2 จากข้อมูลของ ESPN (Entertainment and Sports Programming Network) ในบทความ “Dota 2's The International 7 breaks esports prize pool record”, 2 สิงหาคม 2017 โดย Dota 2 คือเกม MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) ที่ได้รับความนิยมในคอมพิวเตอร์อย่างมากซึ่งมีบริษัท Valve Corporation เป็นผู้ให้บริการ และ The International คือชื่อทัวนาเมนต์การแข่ง Dota 2 ที่มีเงินรางวัลมากที่สุดในการแข่งขันอีสปอร์ต โดยมีทาง Valve Corporation เป็นผู้จัดการแข่งขัน


3ROV (Realm of Valor) คือ เกม MOBA ในโทรศัพท์มือถือที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและกำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นเกมมือถือชาวไทยตั้งแต่ปี 2016


4 GESC (Global Electronic Sports Championships) คือ บริษัทจัดแข่งกีฬาที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมหกรรมกีฬาขนาดใหญ่ อาทิ โอลิมปิกเกมส์, ฟุตบอลโลก, เอเชียนเกมส์ ฯลฯ โดยบริษัทเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการอีสปอร์ตเข้าสู่กีฬาสากลและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก


5 จากข้อมูลของ Brandage ในบทความ “e-Sports โอกาส และอนาคต เหล่าเกมเมอร์”, 21 มกราคม 2018


6จากข้อมูลของ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ในบทความ “อุตสาหกรรมเกม โตทะลุ1.5หมื่นล้าน ขาใหญ่ไทย-เทศ โหมลงทุน “ปลุกตลาด-สร้างคน”, 31 มีนาคม 2017


7 จากข้อมูลของ United Nations World Tourism Organization ปี 2017




 
 
 

เรียนต่อต่างประเทศ – สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจไปศึกษาต่อ

เรียนต่อต่างประเทศ

ผู้ที่สนใจไป เรียนต่อต่างประเทศ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่ใด หรือ หลักสูตรใดนั้น มีสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ เพราะการไปเรียนต่อต่างประเทศ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในชีวิต ซึ่งการมีข้อมูลที่ดี รวมถึงการเตรียมความพร้อมก่อน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเป็นไปได้อย่างราบรื่น และช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเรียนได้

ข้อมูลของแต่ละประเทศ

สำหรับประเทศที่นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะไปเรียนภาษา, เรียนปริญญาตรี และปริญญาโท จะมีประเทศหลักๆ ดังนี้
●  เรียนต่อออสเตรเลีย●  เรียนต่อนิวซีแลนด์●  เรียนต่ออังกฤษ
●  เรียนต่ออเมริกา●  เรียนต่อสกอตแลนด์●  เรียนต่อไอร์แลนด์
●  เรียนต่อสิงคโปร์●  เรียนต่อมาเลเซีย●  เรียนต่อญี่ปุ่น
●  เรียนต่อฝรั่งเศส●  เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์●  เรียนต่อเยอรมัน
●  เรียนต่อสเปน●  เรียนต่ออิตาลี●  เรียนต่อเนเธอร์แลนด์
●  เรียนต่อเกาหลี

ข้อมูลตามสาขาวิชาที่สนใจเรียนต่อต่างประเทศ

อังกฤษธุรกิจ – Business Englishเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวEnglish Camp
●  การโรงแรม-การท่องเที่ยวศิลปะในการทำอาหาร เรียนทำขนม
●  บริหารธุรกิจ – MBAออกแบบภายใน – Interior Designแฟชั่น – Fashion Design
เรียนต่อต่างประเทศ

ปัจจัยที่ควรพิจารณา ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ อาจแบ่งเป็นข้อใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
  • เป้าหมายหลังจากที่สำเร็จการศึกษา เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอันดับแรก เพราะการมีเป้าหมาย หรือการได้เรียนในสิ่งที่ชอบ จะเป็นตัวแปรที่ช่วยผลักดันให้ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือการทำงานในอนาคต
  • ประเทศที่สนใจไปเรียนต่อ มีหลากหลายประเทศที่มีความแตกต่าง ข้อดี ข้อด้อยแตกต่างกันไป สามารถอ่านข้อมูลได้จากเมนู เรียนต่อต่างประเทศ ทางขวามือ (PC) หรือ ลิงค์ด้านล่าง (Mobile) ประกอบการพิจารณา
  • หลักสูตรที่สนใจ ควรพิจารณาจากเนื้อหาของหลักสูตรและรายวิชาที่ต้องเรียน รวมถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการศึกษา ให้เหมาะสม และตรงกับสิ่งที่เราอยากจะเรียน
  • สถาบันการศึกษา สามารถพิจารณาได้จากความน่าเชื่อถือของสถาบัน นโยบายการเรียนการสอน รางวัลที่เคยได้รับ  และอันดับ (Ranking) รวมถึงการได้รับการรับรองจากสถานทูตของประเทศนั้น ๆ ด้วย
  • เส้นทางการศึกษา ควรที่จะทราบเส้นทางการศึกษาในหลักสูตรที่เราต้องการเรียน เพราะแต่ละสถาบันอาจจะมีเส้นทางการศึกษาที่แตกต่างกัน
  • วุฒิการศึกษา และผลการเรียน ที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน ต้องสำรวจตัวเองว่ามีวุฒิการศึกษาหรือระดับผลการเรียนที่สามารถสมัครเรียนกับสถาบันที่เราสนใจได้หรือไม่ โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละสถาบันจะมีเกณฑ์การสมัครขั้นต่ำ แจ้งให้ทราบ
  • ความสามารถในการใช้ภาษาและระดับภาษา ระดับภาษาที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนนั้น จะสูงมากน้อยขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา หลักสูตร และกฎของสถานทูตนั้น ๆ (ในบางประเทศ) ยกตัวอย่างเช่น การไปเรียนและพัฒนาภาษาอังกฤษ ในบางประเทศ ไม่จำเป็นต้องแนบใบประกาศรับรองผลทักษะภาษา แต่ในบางประเทศต้องใช้ หรือ กรณีต้องการเรียนต่อ ปริญญาโท บางสถาบันอาจต้องการผลทักษะภาษา เช่น IELTS ที่ 6.5 ขึ้นไป เป็นต้น
  • ค่าใช้จ่ายและงบประมาณ นอกเหนือจากค่าเรียนแล้ว ยังต้องคำนวณงบประมาณค่ากินค่าอยู่ ค่าใช้ชีวิตประจำวัน ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์การเรียน ตลอดทั้งหลักสูตร รวมถึงเงินการันตีที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า สำหรับไปเรียนต่อต่างประเทศ อีกด้วย
  • สภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ ควรพิจารณาถึงอุณหภูมิ สภาพแวดล้อมและสภาพอากาศของเมืองที่เราสนใจไปเรียน ว่าจะสามารถปรับตัวกับสภาพอากาศที่แตกต่างได้หรือไม่ เพราะหากปรับตัวไม่ได้ หรือปรับตัวได้ช้า อาจส่งผลให้มีการเจ็บป่วย ทำให้เรียนตามเพื่อน ๆ ไม่ทัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเรียนในระยะยาวได้
  • ลักษณะการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่าง การไป เรียนต่อต่างประเทศ นักเรียนจะต้องเผชิญกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงกฎระเบียบ กฎหมาย ธรรมเนียม มารยาท ที่ต่างกัน ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้าม ที่จะหาและเก็บข้อมูล ใช้ประกอบการตัดสินใจ ว่าหากต้องไปใช้ชีวิตนักเรียน จะสามารถปรับตัวยอมรับกับสิ่งใหม่ ๆ ได้หรือไม่

นอกเหนือจากปัจจัยที่ต้องพิจารณาข้างต้นแล้ว การเตรียมความพร้อม และสำรวจความพร้อมของตนเอง ในการไป เรียนต่อต่างประเทศ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยกตัวอย่าง เช่น

การเตรียมความพร้อมในแผนการเรียนต่อต่างประเทศ ของตัวเอง

หากมีแผนหรือสนใจเรียนในหลักสูตรใด ๆ แล้ว ควรสำรวจความพร้อมของตนเอง กับ ความต้องการของหลักสูตร ที่ต้องใช้สำหรับสมัครเรียนด้วย โดยคะแนนเฉลี่ยที่เป็นเกณฑ์โดยทั่วไป อาจแบ่งออกเป็น
หากเป็นสถานศึกษาในต่างประเทศ ที่ได้รับความนิยม จะรับพิจารณานักศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรีด้วยคะแนนสะสมเฉลี่ย (GPA) ที่ระดับ 3.00 ขึ้นไป
หรือสถาบันอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่  จะรับพิจารณานักศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรีด้วยคะแนนสะสมเฉลี่ย (GPA) ที่ระดับ 2.75 ขึ้นไป และระดับปริญญาโท คะแนนสะสมเฉลี่ย (GPA) ที่ระดับ 3.50 ขึ้นไป
(ข้อมูลอ้างอิงจาก สำนักงาน ก.พ.)
หากผลคะแนนเฉลี่ย ทำได้ไม่ค่อยดีตามเกณฑ์ที่กำหนด บางสถาบัน จะมีการเปิดหลักสูตรปรับพื้นฐาน ซึ่งนักเรียนสามารถสมัครเรียนในหลักสูตรนี้ก่อน หากผ่านการสอบวัดผลแล้ว ก็มีสิทธิที่จะสมัครเรียนในหลักสูตรที่ต้องการได้

การเตรียมความพร้อมในส่วนของทักษะภาษา ก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ

หากตั้งใจที่จะไป เรียนต่อต่างประเทศ นักศึกษาควรที่จะเตรียมความพร้อมในส่วนของทักษะภาษาที่ต้องใช้ในการเรียนในประเทศที่ตนเองสนใจ โดยหากทักษะภาษาดีอยู่แล้ว อาจเลือกสอบวัดผลคะแนนภาษาที่เป็นที่ยอมรับของสถาบันการศึกษา หรือตามคุณสมบัติในการขอวีซ่า เช่น IELTS, UKVI IELTS (สำหรับสถานศึกษาใน UK), TOEFL, DELF เป็นต้น ซึ่งหากได้คะแนนผลสอบสูงกว่าหรือเท่ากับ Requirement ของหลักสูตร ก็สามารถนำผลสอบกับเอกสารประกอบอื่น ๆ สมัครเรียนในหลักสูตรที่ต้องการได้ทันที
แต่หากคะแนนสอบวัดผลภาษายังไม่ถึงเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนด หรือในกรณีที่ไม่มั่นใจในทักษะภาษาของตนเอง ก็อาจเลือกเส้นทางที่ไปเรียนและฝึกฝนภาษาที่ต่างประเทศได้เช่นกัน โดยการฝึกฝนการใช้ภาษาที่ต่างประเทศ (ในประเทศที่เราตั้งใจไปเรียน) มีข้อดีหลายอย่าง เช่น
  • มีโอกาสได้ฝึกฝนภาษากับเจ้าของภาษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะภาษา
  • มีโอกาสได้ไปเรียนรู้และลองใช้ชีวิต รวมถึงดูการปรับตัวของตนเองว่าจะสามารถอยู่เรียนในระยะยาวได้หรือไม่
  • มีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรม และธรรมเนียมปฏิบัติ ของประเทศนั้น ๆ
  • มีโอกาสได้ลองใช้ชีวิตด้วยตนเอง ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ รู้จักพึ่งตัวเองและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

การเตรียมความพร้อมในส่วนของเงินสนับสนุน และการเงินที่ต้องใช้จ่าย ในการไป เรียนต่อต่างประเทศ

การไปเรียนต่อต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้เงินสนับสนุนที่เพียงพอ ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ใช้ได้นั้น มักอยู่ในรูปของเงินที่มีสภาพคล่องสูง และเป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับใช้เป็นทุนการศึกษา ยกตัวอย่างเช่น เงินในบัญชีออมทรัพย์ เงินฝากประจำ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยในส่วนนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินการในส่วนของการขอวีซ่าเป็นส่วนใหญ่ โดยบัญชีสนับสนุนนั้นอาจอยู่ในชื่อของนักเรียนเอง หรือชื่อของผู้สนับสนุน (โดยส่วนใหญ่ควรต้องเป็นผู้ปกครองหรือญาติใกล้ชิดขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสถานทูต) ก็ได้ โดยแต่ละประเทศ ต่างเมือง ต่างสถาบัน อาจกำหนดงบประมาณที่แตกต่างกัน

หากต้องการข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม และสนใจสมัครเรียนกับสถาบันที่ทาง Educatepark เป็นตัวแทน สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ ตามช่องทางการ ติดต่อเรา

การเตรียมความพร้อมในส่วนของการขอวีซ่า

สำหรับประเทศที่ต้องขอวีซ่า ควรตรวจสอบคุณสมบัติในการสมัคร และหาข้อมูลว่า สถานทูตต้องการเอกสารใดประกอบการพิจารณาบ้าง โดยทาง Educatepark ได้เตรียมข้อมูล สำหรับอ่านทำความเข้าใจในเบื้องต้น ในส่วนของการเรียนต่อแต่ละประเทศ
ในกรณีที่ นักเรียนตัดสินใจสมัครเรียนกับทางเรา ทาง Educatepark จะดูแลในทุกขั้นตอนของการขอวีซ่าให้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็คเอกสารอย่างละเอียด แนะนำเอกสารต่าง ๆ ที่สถานทูตต้องการ ประเมินโอกาส หรือความเสี่ยงให้ทราบก่อนชำระเงิน กรอกใบสมัคร ช่วยแนะนำ และดูแลขั้นตอนต่าง ๆ ให้ แนะนำเรื่องการตรวจสุขภาพ (ถ้ามี) การชำระค่าประกันสำหรับขอวีซ่า รวมถึงการติดตามผล หากผลวีซ่าออกล่าช้ากว่ากำหนด เป็นต้น

แนวทางการพิจารณาอื่น ๆ ในการเลือกประเทศ สถาบัน และหลักสูตร ในการไป เรียนต่อต่างประเทศ

  • ระบบการศึกษา
  • โครงสร้างของหลักสูตร
  • ระยะเวลาของหลักสูตร
  • ค่าใช้จ่าย
  • ที่ตั้งของสถาบัน
  • สิ่งอำนวยความสะดวก
  • สภาพแวดล้อม
  • มาตรฐานการศึกษา
  • วุฒิการศึกษาที่ได้รับหลังจากที่จบหลักสูตร
  • การรับรองวิทยฐานะ
  • วิธีที่ใช้ในการเรียนการสอน และ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน
  • จำนวนนักศึกษา และสัดส่วนนักเรียนต่อ 1 ห้อง
  • การเดินทาง
  • ความน่าเชื่อถือของสถาบัน
  • สถาบัน และหลักสูตรได้รับความน่าเชื่อถือจากสถานทูต

สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ สุดชิลล์ ไม่เสียตังค์!!



 กรุงเทพฯ มีที่เที่ยวเยอะมากกก เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีสีสันดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะฉะนั้น เราคนไทยก็ต้องเที่ยวไทยกันค่ะ เอาล่ะ ตามเรามา เที่ยวกรุงเทพ แบบถูกและดี กับ 11 ที่เที่ยวกรุงเทพ เข้าฟรี ฟินไปเลยฟรีๆ เที่ยวแบบประหยัด เดินถ่ายรูปสวยๆ ไม่ต้องเสียตังค์จ้า

 




Bkkweekender / Shutterstock.com

 

      ใครที่อยากชิล แบบไม่เสียตังค์ มาเช็คอินกับ ที่เที่ยวกรุงเทพ เข้าฟรี ได้ตามนี้เลยค่ะ 
 
Street Art เจริญกรุง 




 
Bkkweekender / Shutterstock.com

 

      ความฮิปของกรุงเทพฯ และความวินเทจ รวมตัวอยู่ที่ถนนเส้นนี้ เจริญกรุง ใครที่เคยผ่านไปผ่านมาจะเห็นได้ว่า ที่นี่เป็นย่านเก่าของกรุงเทพฯ ที่แสนจะมีเอกลักษณ์ แน่นอนว่านอกจากความดั้งเดิมที่แสนดึงดูดใจ ถนนเส้นนี้ยังเอาใจสายฮิปด้วยลวดลาย Street Art ตามกำแพงในตรอกซอกซอยต่างๆ ตั้งแต่ต้นถนนไปจนสุดเลยทีเดียว รวมถึงสถาปัตยกรรมของตึกรามบ้านช่องยังทำเอาอยากกดชัตเตอร์รัวไปอีก บอกเลยว่า ใครว่างๆ อยู่ ชวนกันมาเดินเล่นถ่ายรูปได้เลย !




 
Bkkweekender / Shutterstock.com

 

ที่อยู่ : ถนนทรงวาด และ ถนนเจริญกรุง 28, 30, 32, 50, 57 กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : ตลอด 24 ชั่วโมง
โทร : -
เว็บไซต์ : ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ https://www.facebook.com/tatbangkok

================

 

 

วัดสุทัศน์ และ เสาชิงช้า




 
 
      หน้าวัดสุทัศน์ มีเสาชิงช้า... แลนด์มาร์คกลางใจกรุงเทพฯ ที่เรียกได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ห้ามพลาดมาถ่ายรูปค่ะ หลังจากทำบุญ ไหว้พระในวัดสุทัศน์แล้ว ออกมาด้านหน้าแวะแอ๊คท่าสวยๆ ถ่ายรูปคู่กับเสาชิงช้า หรือ รอช่วงเย็นๆ ก็จะได้ภาพที่สวยงามมากๆ อีกทั้งใกล้ๆ เสาชิงช้า ตลอดแนวถนนดินสอก็มีร้านอร่อยเจ้าดัง เจ้าเก่ามากมาย บอกเลยว่าต้องไม่พลาด !


 




ที่อยู่ : ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : ตลอด 24 ชั่วโมง
โทร : -
เว็บไซต์ : ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ https://www.facebook.com/tatbangkok

================

 

 

 
ตลาดน้ำตลิ่งชัน




 
      ตลาดน้ำตลิ่งชัน เป็นตลาดน้ำชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ สองฝั่งคลอง แวดล้อมไปด้วยสวนกล้วยไม้สวนผัก บรรยากาศดีๆ ของชาวบ้านฝั่งธนฯ และอาหารรสชาติอร่อยแบบท้องถิ่น ห่างไกลจากมลพิษบนท้องถนน มีเรือแพให้นั่งชิมอาหารอร่อยริมน้ำอีกด้วย เพราะฉะนั้นใครที่อยากใช้ชีวิตช้า ชิมของอร่อย อาหารทะเล กุ้งแม่น้ำ ปลาเผาตัวเบิ้มๆ ต้องปักหมุดที่นี่เอาไว้เลยค่ะ

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดนี้มีแต่ของอร่อย 

 




ที่อยู่ : เขตตลาดน้ำตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : วันเสาร์-อาทิตย์ 08.00-17.00 น.
โทร : 0-2424-1712, 0-2424-5448, 08-1374-7616
เว็บไซต์ : -

================

 

 

 
สวนรถไฟ

จตุจักร



 
Nopkamon Tanayakorn / Shutterstock.com



       พากันมาสูดอากาศกลางสวนใหญ่ กับ สวนรถไฟ หรือ สวนวชิรเบญจทัศ ที่จตุจักรค่ะ ที่นี่เป็นปอดอีกแห่งของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้ทุกคนได้เข้ามารีแลกซ์ ใช้ชีวิตช้าๆ ในช่วงวันหยุดได้สบายๆ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่

       กิจกรรมดีๆ ที่หลายคนมักจะมาชิลก็คือ การปั่นจักรยานรอบสวน หรือ ปูเสื่อนั่งปิกนิกใต้ต้นไม้ นอกจากนี้ที่สวนรถไฟยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมดีๆ เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพ เช่น แอโรบิก แดนซ์, คอร์ทแบทบินตัน, สนามบาส, สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก และอีกหลากหลาย เพื่อให้คนกรุงมาพักผ่อนคลายเครียดกันได้ที่นี่




Panya_Anakotmankong / Shutterstock.com

 

ที่อยู่ : จตุจักร กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 05.00-21.00 น.
โทร : -
เว็บไซต์ : ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ https://www.facebook.com/tatbangkok

================

 

 

 

ท่ามหาราช



 
Sathaporn Sumarai / Shutterstock.com

 

      ท่ามหาราช เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างท่าพระจันทร์ และท่าช้าง เป็นถนนหลังวังที่เต็มไปด้วยของอร่อยมากมาย และในตอนนี้ที่นี่ก็ได้กลายเป็นจุดนัดพบของไลฟ์สไตล์ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาไปแล้วค่ะ ตามคอนเซ็ปต์ Riverside Eatery, Urban Oasis, Art & Culture Market หรือ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน นั่นเอง

       ภายในท่ามหาราช คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้มีทั้งร้านอาหารดีๆ มุมนั่งชิล งานศิลปะ และคาเฟ่เก๋ๆ ใครที่อยากมานั่งชิล หาแรงบันดาลใจ มาเดินเล่นที่นี่ได้เลยค่ะ 





 


ที่อยู่ : 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 07.00-22.00 น.
โทร : 0-2024-1393, 08-5163-9444
เว็บไซต์ : http://www.thamaharaj.com

================

 

 


บ้านศิลปิน คลองบางหลวง




 
       บ้านศิลปิน คลองบางหลวง เป็นแหล่งรวมงานศิลป์ทรงคุณค่า ตั้งอยู่ในชุมชนริมคลองบางหลวง ชุมชนเก่าแก่ริมน้ำซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา บ้านศิลปินเดิมเป็นบ้านเก่าของ "ตระกูลรักสำรวจ" ตระกูลช่างทองเก่าแก่ และภายหลังได้ปรับปรุงให้เป็นสถานที่แสดงงานศิลป์ เป็นที่รวมตัวของกลุ่มศิลปินที่รักงานศิลปะทุกประเภท ด้านบนเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ ทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ได้ชมกัน ส่วนด้านล่างแบ่งเป็นพื้นที่ทำงานศิลปะต่างๆ ค่ะ

 



 
Oh suti / Shutterstock.com



       นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีการจัดแสดงหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง เพื่ออนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กให้ยืนยาวอีกด้วย ใครที่อยากเสพงานศิลป์ ส่องงานอาร์ท หาแรงบันดาลใจดีๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางศิลปะ สามารถมานั่งชิล จิบกาแฟ หาเพื่อนคุย แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ที่นี่เลยค่ะ


ที่อยู่ : 315 วัดทองศาลางาม ซ.เพชรเกษม 28 ถ.เพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 10.00-18.00 น.
โทร : 0-2868-5279
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/Baansilapin

================

 

 


ภูเขาทอง วัดสระเกศ




      บรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง เป็นเจดีย์บนภูเขาจำลอง ตั้งอยู่ในวัดสระเกศ สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยานั่นเอง ยอดเจดีย์สีทองจึงเป็นที่เห็นได้แต่ไกล เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ไปเลยทีเดียวค่ะ 





      ด้านบนของเจดีย์ภูเขาทองนั้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ การขึ้นไปสักการะนั้นต้องเดินวนขึ้นไปตามบันไดถึง 300 กว่าขั้นด้วยกัน นอกจากนี้ที่ด้านบนยังเป็นจุดชมวิวที่เราจะสามารถมองเห็นกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศาอีกด้วย



ที่อยู่ : 344 ถนนบริพัตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 08.00-19.00 น.
โทร : -
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/watsraket

================

 

 
เยาวราช



 
 
       เยาวราช ย่านไชน่าทาวน์ที่โด่งดังที่สุดในไทย รวมถึงยังโด่งดังไปจนถึงต่างประเทศในความเป็นย่านสตรีทฟู้ดที่มีของกินนานาชนิดริมสองข้างทางให้ได้อร่อยกันในราคาย่อมเยา นอกจากเรื่องของความอร่อยแล้ว เยาวราชยังเป็นย่านที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน จึงเป็นอีกที่เที่ยวหนึ่งที่มีเสน่ห์มากๆ

 




SAHACHATZ / Shutterstock.com


       ในบริเวณโดยรอบยังมีทั้ง วัด พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า และอาร์ท แกลเลอรี่ต่างๆ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรี รวมถึงยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ภาพแนววิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนสะท้อนออกมาให้ได้เห็นกันเป็นประจำทุกวัน




ที่อยู่ : ถนนเยาวราช เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : ตลอด 24 ชั่วโมง
โทร : -
เว็บไซต์ : ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ https://www.facebook.com/tatbangkok

================

 

 

หอศิลป์กรุงเทพฯ
สี่แยกปทุมวัน

 



vinai chunkhajorn / Shutterstock.com

 

       หอศิลป์กรุงเทพฯ หรือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bangkok Art and Culture Centre) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่ตั้งอยู่ที่สี่แยกปทุมวันนั่นเองค่ะ ที่นี่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมของกลุ่มศิลปิน เพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความคิด แนวการทำงานศิลป์ต่างๆ ทั้งยังมีนิทรรศการจัดแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละช่วง ใครที่อยากมาหาแรงบันดาลใจ เสพงานศิลป์ อินกับงานอาร์ท ชวนกันมาได้ที่นี่ลยค่ะ 




Opas Chotiphantawanon / Shutterstock.com


ที่อยู่ : 939 ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 10.00-21.00 น.
โทร : 0-2214-6630

================

 

 

 

เทอร์มินอล 21



Sergey Zhukov / Shutterstock.com

 

        เทอร์มินอล 21 Shopping Mall เทรนด์ใหม่ กลางสุขุมวิท ที่มาในธีมของสนามบิน ซึ่งในแต่ละชั้นถูกออกแบบให้กลายเป็นเมืองใหญ่ต่างๆ จากทั่วโลก ทั้ง ลอนดอน โตเกียว ซานฟรานซิสโก อิสตันบูล เป็นต้น บอกเลยว่า แค่เดินเล่นถ่ายรูปก็ชิลมากๆ แล้วค่ะ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า สินค้าแบรนด์ดังต่างๆ รวมไว้ในที่เดียว ขาช้อปต้องยิ้มหน้าบานแน่ๆ




Tooykrub / Shutterstock.com


ที่อยู่ : 88 ซอยสุขุมวิท 19 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : 10.00-22.00 น.
โทร : 0-2108-0888
เว็บไซต์ : http://www.terminal21.co.th/asok/home/th

================

 

 


ตลาดนัดรถไฟ รัชดา



OpMaN / Shutterstock.com

 

       ตลาดนัดรถไฟ แหล่งรวมของคลาสสิคที่เหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลายชื่นชอบกัน ร้านรวงขายเสื้อผ้าเด็กแนว ของตกแต่งบ้านสุดคลาสสิคที่หาจากที่ไหนได้ยาก ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ต่างๆ บอกเลยว่า รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น ใครที่ชอบเดินชิล ดูนู่นนี่ นี่นั่น พกกล้องมาเดินถ่ายรูปชิลที่นี่ได้ค่ะ สตรีทฟู้ดที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย ได้ช้อป ได้ชิม ได้อร่อยแบบราคาถูกแบบนี้ ต้องมาจ้า

 



CatwalkPhotos / Shutterstock.com



 

ที่อยู่ : ด้านหลังห้างเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชม : วันอังคาร-วันอาทิตย์ 17.00-01.00 น.
โทร : -
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/taradrodfi.Ratchada




 

การสร้างข้อความ

การสร้างข้อความ homepage